Search This Blog

Sunday, November 17, 2013

Sedona สวรรค์ชั้นน้อยๆของแกรนด์แคนยอน :)

เขียนต่อดีกว่า คิคิ คนมันว่างงานอะนะ =_="

      ตัดภาพมาที่หุบเขา ดินแยกชั้นสีแดงอิฐ ความรู้สึกตอนแรกที่มาเห็น พูดก่อนเลยว่าไม่ได้ประทับใจเท่าไหร่ (ก็รู้สึกเหมือนถูกนำมาปล่อยไว้กลางหุขเขาว่างเปล่าไง)  แต่พอเราว่างจากงานแล้วเริ่มออกมาหาคำตอบว่า ทำไมหุบเขาที่แห้งแล้ง และห่างไกลผู้คนเช่นนี้ถึงได้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาไม่ขาดสาย(เหตุเพราะเป็นแม่บ้านแล้วได้ทำความสะอาดแบบnonestop 555) ห้องพักที่โรงแรมที่ทำงาน แขกเชคอินเชคเอ้าท์ทุกวัน และเต็มตลอดปี ด้วยเหตุนี้เองจึงตัดสินใจมาหาคำตอบอย่างจริงจังในวันหยุดทำงาน

       มองไปไกลสุดตาจากด้านหน้ารถ อารมณ์คล้ายเหมือนที่นี่เป็นวิมานยังไง ยังงั้นเลย มีกลุ่มก้อนหินลักษณะคล้ายปราสาทวางเรียงรายอยู่สุดปลายทาง แล้วรถกำลังวิ่งเข้าหาปราสาทนั้น โอ้ยยย เห็นแล้วมันชื่นนนใจเจ้าคะ 

       วันที่ออกมาร้อนสุดชีวิต และเดินกันสนั่นหวั่นไหว ไปกับเพื่อนอีกคน ยังไม่พอ ใส่ขาสั้นอีกต่างหาก แหม่ผิวแทนโกลวววเลยทีเดียวคะ สีขอบฟ้ามันช่างสดใสเหลือเกินคำบรรยาย ตัดกับกังงหันสีรุ้งแล้ว น่ารัก คิคิ แก้งที่ถืออยู่นั้น ราคา 97cents(แก้วที่ใช้จะเป็นแก้วโฟมน้ำแข็งก็เลยไม่ละลายเพราะอากาศร้อนเกิ๊นนน) คือเดินไปดูดน้ำโค้กแก้วนี้ไป หมดแบบไม่เหลือน้ำแข็งเลย เพราะอากาศร้อน แต่ก็เดินชมความสวยงามไปรอบๆ สิริรวมก็ น่าจะสามชั่วโมง  แบบไม่พักจ๊า ฮ่าๆ




ม้าเศษเหล็ก ตั้งอยู่หน้าร้านขายของที่ระลึกอะไรซักอย่างนะ จำไม่ค่อยได้ แต่ตัวใหญ่มาก น่าจะสามเมตรได้นะ
นี่ก็วิวด้านข้าง มีหินสีแดงอิฐสดแยกชั้นเรียงรายเต็มไปหมด สวยงามเหมือนนิยาย
 ประวัติของสะพานข้ามแม่น้ำด้านล่าง เค้าทำสวยดีแล้วก็เป็นเหล็กทุกอัน ทนแดดทนฝนมาก (ถ้าเป็นที่ไทยอาจโดนงัดเป็นเศษเหล็กนะเคอะ)



        เดินมาขึ้นรถเมล์ไปที่ตัวเมืองเซโดน่า ทุกอย่างอารมณ์แบบว่า แลนด์สเคปมาก มันกว้างไกลไปนู่นนนน เดินมาป๊ะกับโรงแรมหรู นี่ทำเลเค้าอยู่ตรงสามแยกพอดีเลย แล้วทำลักษณะเป็นเหมือนกำแพงโค้งตรงแยก ค่อยมีทางเข้าไปด้านใน แหม่ ฝรั่งเค้าก็ดูโหงวเฮงเหมือนกันนะเนี่ยะ  

อารมณ์แลนด์สเคปของยุวชิโอ้ คิคิ  <3


       เดินเข้ามาเรื่อยๆ ผ่านร้านไอติม โคนละ สี่ดอล โอ้ววว นี่ได้ฮาร์เกนดาสบ้านเราเลย แต่ของเค้าเป็นแบบโฮมเมด อร่อยมากกก XD เลิฟฟฟ  เดินมาซักพัก เห็นรุปปั้นคู่รัก เค้าทำได้อารมณ์โรแมนติกมาก เป็นอีกที่สำหรับคู่ฮันนีมูนแบบ ผจญถัยนะ



       ร้านขายของเล็กๆน้อยๆ ออกแนววคันทรี่ แบบคาวบอยๆ ไม่แน่ใจว่าเราไปเดินกันตอนเที่ยงหรือยังไงไม่ทราบแต่ นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยกันมาตอนเราเริ่มจะกลับ ฮ่าๆ เพราะแสงแดดที่นี่ร้อนมาก เค้าคงรอให้ไม่ร้อนแสบผิวมาก ถึงค่อยมาเดินเล่นกัน เมืองเล็กๆแต่อบอุ่น เคยได้มีโอกาสไปบ้านคนไทยในเซโดน่าด้วย เค้านวดบำบัดรักษาคนที่เป็นอัมพฤกษ์ให้หายและกลับมาเดินอีกครั้งได้ อ้อ คนไทยนะคะจำได้ว่าพี่เค้าเรียนจบการตลาดเหมือนเราเลย แต่คนละที่กัน พี่เค้าน่ารักมากและบ้านก็ร่มรื่นมากด้วย ชวนพวกเรานั่งดื่มชาสมุนไพรและดูนกแก้วหลายตัวมากที่บ้านพี่เค้าเลี้ยงไว้ ไม่รู้โอกาสไหนอีกนะ จะได้กลับไปดินแดนหินทรายแดงสวรรคือีก อิอิ 



เดินเล่นกันจนเหนื่อย ผิวสีน้ำผึ้งไหม้กันแล้ว ก็กลับบ้าน นอนกันเพลียร่างมาก จำความได้เลย ใส่กางเกงขาสั้น กลับบ้านขาลายเป็นม้าลาย เริ่ดตรงนี้ 
ปล. ค่ารถเมล์คนละ 3-5ดอล ต่อเที่ยว ส่วนอาหารอื่นๆเราไม่ซื้อกินเพราะกลับไปกินที่บ้านพักดีกว่า เปลืองง ฮ่าๆ

เดะต่อไป เดินเล่นที่ Jerome เมืองเก่า โรงแรมผี และงาน3อย่างที่ได้ทำในเวลา 4เดือนที่นั่น จะมาเขียนต่ออีก ตอนนี้หิวว เหนื่อยๆ ง่วงอีกแล้ว บับบาย :)

No comments: