มีพละกำลังกลับมาเล่าต่อ.. คราวนี้เล่าถึงเมื่อครั้งไปแกรนด์แคนยอนสมัย สองปีที่แล้ว Work&Travel program ก่อนจะจบปีสี่นะเฮาะ ย้อนไปเมื่อ March 2012 ละกัน ช่วงรอยต่อของชีวิต ต่อมาเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ยังต่ออยู่ เอิ้กกก หาตัวตนต่อไป ช่วงนี้ตัดตอนมาจากเดือนเมษายน 2012 ทางโรงแรมที่เราทำงานให้(แม่บ้านถึกทึน) เค้าจัดทริปให้เด็กๆคนละ 40$ ไปกลับ จากเมืองพาราณสี โดยรถตู้ 3ชม. ก็ถึงแกรนด์แคนยอน
ชอบท้องฟ้าที่นั่นมาก สีฟ้าสดใส แต่ต้องใส่แว่นกันแดด เพราะเคยลืมใส่ น้ำตาไหลไม่หยุด แสงแดดแรงมาก รูม่านตามันหุบไม่ทัน สงสารดวงตามาก โดยพื้นที่รอบๆจะเป็นหุบเขาโล้นๆ แห้งๆ มันคือเขาจริงๆ (เราโชคดีมากที่บ้านเราเป็นเขาเขียว แต่ก็นับวันน้อยลงทุกที อยากมีเงินเยอะๆจะได้กว้านซื้อที่ปลูกเขาให้เขียวจริงๆ)
กลับมาต่อ คิคิ เอาไปเอามา ลืมถ่ายรูปทุกอย่างก่อนที่จะเข้ามาถึง จำได้แค่ว่า เค้าจะให้จอดรถไว้ตรงลาน แล้วจะมีรถบัสแอร์มารับเราที่ลานจอดรถ คือ คนขับรถตู้ออกแนวเร่งๆเรา บอกว่า 3 ชม.พอ เราเลยไม่มีโหมดติสก์แตก ถ่ายรูปมากนัก ลักษณะภายในก็แบบที่เห้น รถคันใหญ่ดี ข้างในเย็นสบาย ตัดกับสภาวะอากาศด้านนอกมากที่ร้อน แห้ง แสบผิวเบาๆ
จุดแรกที่รถจอดตามป้าย ลงมาได้ไม่ลึกนักเพราะมีเวลาจำกัด (ถ้ามาเองคงได้ภาพที่ อันซีนกว่านี้หงะ) แต่ก็สวยสุดลูกหูลูกตา เพื่อนๆยืนถ่ายรูปกันรัว
จุดตัดขอบฟ้า ทำให้เห็นว่าโลกมันกลมจริงๆอย่างที่เขาว่ากัน ความรู้สึกตอนนั้นคือ ถ้าเราเดินหลงอยู่ในหุบเขาข้างล่างนั้น คงร้อนและขาดน้ำแน่ๆ มันไม่มีต้นไม่เลยนะสิ มีแต่ ดินที่กลายเป็นหิน มาเที่ยวเองไม่มีไกด์คะ เลยไม่ได้รู้ประวัิติอะไรมากนักก่อนจะมา
นี่ไง ตัวอัลไล เหมือนกระรอกนะ ไม่แน่ใจ นางนั่งหันหลังให้แต่พอเห็นนักท่องเที่ยวเท่านั้นแหละ เหมือนรู้หน้าที่เลย เดินมาหาเรา พอดีว่ามีเม็ดถั่วอัลมอต์ติดกระเป๋า เลยยื่นให้นาง คิิคิ เดินดุ่มๆมาหยิบไปเนียนๆแล้วกินให้เราดู (จริงๆแบบนี้ก็ไม่ควรให้นะ เค้าติดป้ายห้ามให้อาหารสัตว์ แต่คือน้องเค้าเดินมา เผอิญมีเม็ดถั่วพอดี ฮ่าๆๆ น่ารักก)
แต่ละคนสนุกกันใหญ่เลย
นั่งเขียนไป ก็นึกถึงเรื่องข่าวของคู่สามีภรรยาชาวไทยที่มาฮันนีมูนที่นี่แล้วถูกฟ้าผ่า ได้ยินแล้วเศร้า...เฮ่อ...อะไรๆก็เกิดขึ้นได้จริงๆนะ ขอให้เค้าทั้งสองคนเกิดมาเป็นเนื้อคู่กันทุกชาติไป ...
ตอนต่อไป เดะลงรูปใน Sedona นี่ก็สวยไม่แพ้กัน ตัดตอนเลยดีก่า เพิ่งกลับมาเปิดคอมอีกรอบ เย่! :D
No comments:
Post a Comment