Search This Blog

Saturday, November 2, 2013

10 days India trip กรี๊ดดดด ชั้นมีชีวิตรอด(1)

อิอิ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เพิ่งจะมาลองเขียนดู ไม่รู้จะเป็นยังไง เนื่องจากว่างมากกกก รอเริ่มงาน อีก2เดือน ขอเขียนไปแชร์ไปดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านทิ้งอะนะ

ทริปอินเดีย 10 วัน


เริ่มกันเลยที่วันแรก จองตั๋วเอง ขอวีซ่าเอง ชีวิตนี้ถ้าไม่มีอะไรต้องเสี่ยงก็เกิดมาไม่คุ้มสิคะ   เดะลงรูปไป พูดไปก้น่าจะเข้าท่านะ จะได้นึกภาพออก ในสมองก่อนไป  คิดเยอะมากเพราะจินตนาการไม่ถูกเลยว่า อินเดียจะเป็นยังไงไม่ได้หาข้อมูลมาก่อนด้วยเหมือนทริปสิงคโปร เลยนึกออกแค่ทัชมาฮาล ซึ่งคนที่ไปนัดเจอกันที่นั่นก็ไม่เคยไปอินเดียมาก่อนเหมือนกัน คิคิ ต่างคนต่างเดาาาาจ้า

Booking.com เป็นเพื่อนที่ดีคะ หาโรงแรมทุกซอกมุมดี แต่ถึงยังไง โรแรมที่เราไปพักตอนก่อนกลับกลายเป็นที่ ที่เราเดินหาเดินผ่านแล้วเข้าไปถามดูสภาพจริงก่อน อันนี้ชัวร์สุด เลยยิงยาว4คืนเลย

กลับมาที่วันแรก จำความรู้สึกได้เลย ตื่นแหกขึ้ตาไปเชคอิน 6 โมงเช้า เผอิญไปพักกะเพื่อนหอพักแถวโรงบาล แท็กซี่นึกว่าเราเป็นหมอ ฮ่าๆๆ(ซึ่งหน้าเรียบร้อยมาก) อะต่อๆ สิริรวมก็เครื่องออกจากสนามบิน แปดโมงเช้า ไปถึงที่เดลี เที่ยงครึ่ง (อาหารที่เสริฟ ก็อาหารอินเดียจ้า แต่เราเริ่มได้กลิ่นแปลกๆตั้งแต่ตอนเค้ามาเสริฟละ เพราะเค้าถามแค่ว่า มังสวิรัติ หรือไม่มังสวิรัติ ในใจงง แต่เราก็เออ ไม่อะไร เนียน)

เครื่องจอด เราก็รีบลงปั๊ป สัมภาระพยายามไม่โหลดลงคะ เพราะกระเป๋าเล็กแบบลากราคาถูก เดะถ้าเค้าโยนแรงๆมันจะพัง ฮ่าๆๆ XD ก้เลยมีเป้ (ใส่เครื่องสำอางค์ก้เต็มแล้วครึ่งนึง เดะถ่่ายรุปไม่สวย ขอหอบไป 2/3ที่มีพอ คิคิ ) แล้วก็แบบลากเล็ก10kg ใบเดียว (แต่แน่นมาก)

ผ่าน ตม.สบายมาก คนที่นั่นมีทัศนคติที่ดีกับคนไทยนะ พอดูพาสปอร์ตเรา เค้าไม่อะไรเลย (ไม่เหมือน ตม.ที่เมกา ฮ่าๆๆ ดุนะเคอะ) กว่าจะมาถึงจุดรอพบ ก็บ่ายโมงที่นั่น แต่ยังคะ ต้องรอคนที่นัดเจอกันที่สนามบินที่นั่น นึกสภาพนะ ต่างคนต่างมาจากคนละที่ แต่มานัดเจอกันที่สนามบินที่ต่างคนก็ไม่เคยไปมาก่อน (มันช่างเป็นความคิดที่ท้าทายจริงๆ นางกล้ามากฮ่าๆ) เอาเป็นว่า เจอกันเพราะนั่งอยู่หน้าจอเลยว่าไฟลท์นี้ จอดแล้ว และเราก็รอตรงประตูทางออกเลย ไม่เห็นให้มันรู้ไป! (รอ 2 ชม.จ้าาา แทบระเบิด)

แท้กซี่(สภาพแบบtoyotaรุ่น1995)ที่นี่แปลกคะ ถ้าจะใช้แอร์ ต้องจ่ายเพิ่ม อีก 160รูปี (โดยประมาน 1 รูปีกว่าเกือบสองรูปี  เท่ากับ 1 บาท) เราตกลงกันเลย อะเค แอร์เถอะ ฮ่าๆ อากาศจะร้อนไปไหน สรุปจ่ายไป 500taxi+160AC =660รูปี

ที่ เห็นเขียวเหลืองนี่ บ้านเค้าเรียกว่า ตุ๊กตุ๊กนะ ชื่อเดียวกับไทยเป๊ะเลย พี่แอบงง  แต่ก็อะเค เรียกง่าย ชาร์ตได้เมื่อต้องการ ราคาอยู่ที่ 20-100 รูปี แล้วแต่ระยะทาง ถือว่าไม่แพง เปรียบเทียบคือ ตัวเลขเป็นราคาบ้านเรา แต่เปลี่ยนสกุลเงินเป็นรูปี ง่ายๆเลย เกือบทุกอย่างถูกเกือบครึ่งนึงที่เราเคยจ่ายในไทย

เช้ารุ่งถัดมาอีกวัน จัดไปทัชมาฮาล คนละ 2200รูปี ไปกลับทั้งวัน เราเห้นราคาแล้วมันก็เออคุ้มนะ
และเจอนักท่องเที่ยวไทยสองคน พอดีคนที่ไปกับเราพูดได้หลายภาษาและเค้าก้พอจะเดาภาษาอินเดียได้ เลยรู้ราคา ว่า คนที่เป้นอินเดียจ่ายคนละ 400รูปีไปกลับ พวกเราหน้าเอ๋อคะ เป็นสองคนที่ได้นั่งหลังสุด นึกสภาพรถ ปอ.ราคาถุกบ้านเรา แล้วแถวเบาะหลังสุดมันเอนไม่ได้ ที่มี 5ที่นั่ง เราสองคนจ่ายกันแพงสุด และได้นั่งที่ ห่วยที่สุด ..จงเจริญ..โดนไปแล้วดอกแรกของคนที่นี่คะ



อารมณ์ของอินเดียคือเมืองเก่า  มองไปรอบๆ ไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากนัก คน พาหนะ สิ่งของ วิถีการกินอยู่ แต่ความน่าหลงใหลคือวัฒนธรรมของคนที่นี่ ไม่ถูกเปลี่ยนไปมาก คนอยู่ได้ด้วยศาสนาเป็นที่พึ่ง แต่ก็นะ ที่ทำให้เรารู้สึกไม่ชินก็คือ เสียงแตรที่ดังตลอดระยะเวลาขณะนั่งรถ เค้าจะบีบแตรกันตลอด สนุกสนานมาก

ตัดฉากไปถึง ก่อนเข้าทัชมาฮาล รถทัวร์ ตั๋ว 2200 ราคาLuxury แต่ที่นั่ง ปอ.2 ไทย ฮาา รถเข้าไปจอด ป้อมอัครา(anguri bagh) เป็นป้อมปราการ มรดกโลก  เดินไปฟังไกด์ไป(ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องหงะ พูดฮินดิส่วนใหญ่อังกิดอินเดียบ้าง ) จำค่าเข้าไม่ได้ น่าจะ 300 รูปีนะ

แตงกวาปอกแล้วเอาผงอะไรสีๆใส่ตรงกลาง อารมณ์ประมาณ มะม่วงจิ้มพรกเกลือบ้านเรานะคิดว่า แต่ไม่ได้ชิม คิคิ 

(พักก่อนเดะเข้ามาเขียนต่อ)

No comments: