กลับมาอีก หลังจากเดือนนึงที่เรา ขี้เกียจมากก ทั้งการเมือง ทั้งงานแต่งงานเพื่อนและเตรียมตัวอีกหลายอย่างเจ้าคะ วันนี้กลับมาเล่าเมื่อเครั้งเยี่ยมเมืองฟินิกส์(Phoenix) ต่อนะคะ
ครั้งนี้หลังจากที่เราไปเพิ่งอ่านประวัติศาสตร์อเมริกามาพอคร่าวๆบ้าง ก็ได้เรื่องว่า ดินแดนแห่งนี้ที่เป็นของกลุ่มชนเผ่าอินเดียนแดงเดิมนั้นก็มีรากสายเลือดของคนเอเชียนี่แหละเจ้าคะ (ถึงว่าหละหน้าตาเหมือนเราเลยนุ๊ คิคิ) เมื่อครั้งสมัยตั้ง แต่ครั้งกระนั้น ค.ศ.1803
ง่ายๆคือ ก็เมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้ว ที่เค้าก็เริ่มจะซื้อที่ดินทางตะวันตกของทางโซนทวีปอเมริกาตะวันตก เดิมทีเป็นส่วนของสเปน กับเม็กซิโกในช่วงนั้น และบริเวณโซนนี้ เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ แต่ก็เมื่อครั้งที่ ประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สัน อยากขยายอาณาจักรอเมริกาให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น ตามความฝันที่อยากได้ให้เป็นประเทศหนึ่งเดียวจากโซนตะวันออกไล่มาจรดโซนตะวันตก โดยจ่ายเป็นเงินจำนวน 15ล้าน ดอลลาร์(เทียบเท่าประมาณ230ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน) คุณพระคะ!! ที่ดินกว้างใหญ่ไพศาลขนาดนั้น กลุ่มชนผิวขาวสมัยนั้น ต้องการไปทำอะไรมากมาย เง้ออออ และก็เกิดสงครามกลางเมืองหลายครั้ง จนกระทั่งถึงสมัยของ ลูเทอร์ คิงส์ ปี 1963( 50ปีที่แล้ว) ที่อเมริกาได้ประชาธิปไตยมาให้กับกลุ่มผู้หญิงและคนผิวดำได้มีสิทธิ์มีเสียงในการเลือกตั้งเหมือนเช่นกับกลุ่มชายผิวขาวสมัยนั้นนั่นเอง
(วิกิพีเดีย,ประวัติศาสตร์อเมริกา)
กลับมาที่เรื่องปัจจุบันกันต่อ โดยขณะที่ข้างทาง เราเดินๆไป ก็พบศิลปะแก้ว เราไม่แน่ใจเค้าเรียกพวกนี้ว่าศิลปะแนวไหน แต่นำแก้วสีสันและกระเบื้องสีฉูดฉาดมาและมีลวดลายคล้ายกับชนเผ่าอินเดียนแดง เราพบศิลปะบนผนังนี้ ใต้ตึกทรงสูงทันสมัยและเกิดขึ้นอยู่ใต้ถุนตึกเค้าเลยไปถ่ายรูปเจ้าคะ
เดินต่อรอคนมารับพาเราไปพิพิธภัณฑ์ กันเลย นี่ก็ราคาบัตรเราจ่ายไป12ดอลล่าร์ต่อคนคะ และก็อีกนั่นแหละ ไม่มีคนมาเดินดูกับเราเลยหงะ คิคิ สันโดษมากก มีแค่เรากะพี่สาว และก็เดินไปเรื่อยๆ ด่านแรกก็ด้านนอกตัวอาคารคะ
มีเครื่องปั้นดินเผา ทั้งจำลองบ้างจริงบ้าง แต่ความรู้สึกเราก็น่าจะจำลองโดยส่วนใหญ่ เพราะสภาพดูสมบูรณ์ดีมาก จัดวางกันสวยหรู สะอาด ดูง่ายคะ
รูปด้านบนก็คงเป็นกลุ่มหัวหน้าเผ่าต่างๆ คาดว่าน่าจะมาจากจินตนาการของผู้วาด มากกว่าจะเป็นรูปของจริงอีก่นเคย ซึ่งเหมือนคนเอเชียอย่างที่เกริ่นกันไว้จริงๆ
แผ่นสีครีมๆขาว นั่นเป็นแผนที่ที่คาดว่าจะทำมาจากหนังสัตว์คะ เราก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าเป็นที่ไหน เพราะแผนที่สมัยก่อน เมื่อกลุ่มผู้ใช้ครั้งแรกเป็นชาวฝรั่งเศสแต่แผนที่นี้ ไม่รู้ว่าเป็นของกลุ่มชนเผ่าหรือชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาครอบครองที่ พยายามจะทำไว้กันแน่ คะ
รูปปั้นชนเผ่าที่มีเยอะมากกกก ไม่สามารถนับได้ว่าเท่าไหร่ เพราะยังมีอีกฟากหนึ่งที่ขนาบกัน ก็เป็นตุ๊กตาชนเผ่าเหมือนกัน ซึ่งมองดูเหมือนนิทรรศการของชาวญี่ปุ่นที่บ้าคลั่งพวกAnime แล้วมีหุ่นจำลองต่างๆมานำเสนอยังไงยังงั้นคะ ก็น่ารักดี :)
ด้านถัดมาเดินไป วนซ้าย วนขวา มาเจอเครื่องประดับหินสีสมัยก่อน จะว่าไปก็คล้ายๆทางภาคเหนือเราเนาะ เครื่องประดับพม่าไรงี้ แต่ดารออกแบบเค้าจะเป็นแบบพะรุงพะรังลากมาจนถึงคอเลย อาจจะใช้แสดงยศในสมัยนั้นก็เป็นได้คะ
ด้านล่างเป็นบ้านดินจำลองของชนเผ่าอินเดียนแดงคะ
ด้านบนเป็นถาพในตัวบ้านดินที่เค้าจำลองกันว่าชนเผ่าอยู่อย่างไรคะ
ส่วนด้านล่างนี้เป็นเหมือนที่เอาไว้อุ้มเด็กเล็ก ก็คล้ายๆชาวเขาของบ้านเราเนาะ
ตกแต่งประดับกันไปตามยศคะ
ส่ววนี้เป็นแก้วเป่าสีคะ มองดูนานมาก แต่ก็ไม่รู้มันคืออะไร =_=
ก่อนกลับเราเห็นน้องเพื่อน พี่ เค้าเต้นอะไรกันไม่รู้ โดยขณะที่เพิ่งมีอีกครอบครัวนึงกำลังเข้ามาดูพิพิธภัณฑืเหมือนกับเรา น่ารักดีี อิอิ
ตึกรูปทรงสวยงาม ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดๆ มันเป็นภาพที่สวยงามชัดเจนดีมากเลย ชอบบบ :)
ภาพข้างบนนี้เป็นเหมือนโบสถ์เก่าหรืออะไรสักอย่าง อต่ก็ไม่มีการใช้งานคะ เหมือนจะร้างนะ แต่ก็ไม่ใช่
ภนนที่โล่ง มีต้นไม้ทนแดดเรียงรายระหว่างทาง รถไม่ติด และอากาศที่ร้อนได้ที่ ก็กิวสิคะ
เลยได้ไปเดินดูร้านขนมก่อนที่ศูนย์ช้อปปิ้งอีกฟากนึงของวัยรุ่นที่นั่น เราลืมแล้วว่าเรียกอะไร
อารมณ์คล้ายๆวิลล่ามากกว่าจะเป็นห้างที่ต้องเดินขึ้นบันไดเลื่อนคะ คือ เดือนกันจนขาลากเลยก็ว่าได้
สุดยอดขนมมม ลูกกวาดดดด
ตามด้วยร้านอาหารของผู้ใจบุญที่พาเราไปเที่ยว เค้าพาเราแวะร้านอาหารของคนเปอร์เซียนคะ หรือ อิหร่านนั่นเอง
จานนี้ เป็นข้าวเม็ดยาวแบบข้าวอินเดีย ผสมกับหญ้าฝรั่น หรือ Saffron(ราคา ประมาณ 37,000-387,000บาท / กิโลกรัม) แล้วนำไปคั่วในกระทะออกแนวจี่ข้าวจนกรอบครึ่งนึง นำนำ้ซุปเนื้อที่ต้อมกับผักใบเขียว(ลืมชื่อ) และถั่วแดง อารมณืคล้ายๆแกงขี้เหล็กบ้านเรา ตักราด สนนราคาที่จานละ 15$ รสชาติเป็นเค็มๆมันๆ ไม่หวานไม่เผ็ดไม่เปรี้ยว ก็เฉยๆนะ =_=
ครั้งหน้าจะลงทริปไหนอีก เดะลองแวะมานะคะ เดือนละครั้ง คิคิ เมื่อนมืออีกแล้ววว บับบายเจ้าา :)
No comments:
Post a Comment