Search This Blog

Wednesday, July 2, 2014

Terrigal beach,Australia 2014

its been a long time that i didnt update any story out here
just been a bit busy cause of my working as a nanny haha (sounded like ive got my own babies tho lol but nah i am single :p)

well...just could not type in Thai like as before because now just got the new laptop..
not supposing to get it but i just need to use it so ...

i just would like to say "please accept my apology for any error spelling or wrong sentence/grammar" as I am just learn how to speak and write in English but actually I would prefer to type in Thai but no choices for now ...:(...Just want to share what i am feeling now so bad...can not wait to get my Thai keyboard back in my hands again haha...

the things i have learn here since i have been here like 4 months ..mmm..i could see how differently families are and what their thoughts are ...how could each family raising their kids ..some just by TV cause of their parents keep busy at work..some their kids got the mental problem themselves...anyway i am taking care of 3 families out here ..actually doing all of the things what they asked me to do but mainly will be with kids so...

Last week, just been at Terrigal beach with them at their beach house..was a bit cold for me (cause i am from a tropical place lol) and just took many photos and would like to share to people .(.just in case you guys feel like interesting in the same way lol)

 it should be in the middle of the long beach side as i got the direction from google GPS.
what i am using now is Amaysim telephone network, i feel like it did not work well out there sometimes cause a bit far from the city (underground floor) but on the beach was good signal. well its a cheap monthly paid so just feel like its ok to use this network.  better than nothing and i paid just $40 motnhly(its not advertisement at all just saying)

 viewing around of thus beach as 180 degree

 a little boy and the beach

 Hellowwww toddlers! :)
 up of the beach
 was around 3 pm...shrinking your eye lids if you want to :)

 forever alone -_-"
 foot print does not mean just evidence but story
 nice surffff


 as i could see those little shells on the rocks ..they might prefer fresh sea water from sea surf.

now i am feeling like my migraine happens to me again sorry that i could not keep telling my story more longer than this just need to take medicine and take a rest as soon as possible ...

it is 10 pm now ding ding dang dang have a good night the world..

see you my next story soon!!
Muah muah XD

  


Monday, March 31, 2014

Work and holiday Sydney !

หวัดดีๆ มาได้เดือนนึงแล้ว รู้สึกน้ำหนักตัวขึ้น555 โฮสเลี้ยงดีเกิน  หงิ 
ด้วยความที่ไม่ได้เอาคอมมาด้วย จึงมีแต่รูปไก่ๆกาๆในโทรศัพท์นะเคอะ งื้ออออ สวยบ้างไม่สวยบ้างละเนาะ
แต่สิ่งที่เห็นแล้วตื่นตาตื่นใจมากๆเลยตั้งแต่ก้าวแรกที่มาที่นี่ คือ...ปุ๊จายล่ำมาก หุ่นเฟริมกันมากๆ เรานึกว่าเราพลัดหลงมาในเมืองแฟชั่นมิลานหรือนี่กระไร นึกไปด้วยซ้ำว่าฝันไปรึป่าว 555 

มาถึงก็ไปพักโฮสเทล2คืน เดินดูตึกรามบ้านช่องเค้าไป สวยฃามดีขนาด ถ้ามีกล้องสวยๆเดะจะได้เอามาลงนะคะ ตอนนี้เก็บตังค์ก่อนคิคิ 

ก็นั่นแหละมาถึงไม่เกิน2อาทิตย์ ตามตำราที่ค้นหามาในเนทเค้าก็บอกว่าให้รีบบึ่งไปเปิดบัญชีเลย เค้าจะได้ไม่ต้องมาขอเอกสารอะไรเราเยอะแยะ

และก็จริงด้วยแฮะ คิคิ 
รูปตามตำนาน ลงไปให้นึกได้ว่า อ่อเรามาถึงแล้วจริงๆ555 เดินไปดูคนเดียว เพลินตา มองเค้าจู๋จี๋กัน ดีเนาะ ทำไรไม่ได้ ได้แต่อิจฉาคะ 

พอสักพักได้เข้าบ้านโฮสเราก้ออกมาเดินเล่นในเมือง คือไม่ได้อ่านอะไรอะคะ ดูในกูเกิลแมปเอาว่ามันมีอะไรในแผนที่เป็น แลนด์มาร์ก เราก้เดินตามนั้น มาเจอที่นี่โดยบังเอิญ หลังจากเดินหลงอยู่ในสวนอะไรสักอย่างในเมือง 


วันนั้นแย่หน่อยเจ้าคะ ฝนตกบ้างไม่ตกบ้าง ฟ้าครื้มทั้งวัน ส่วนเจ้าโทรศัพท์เรามันก็ช่างเลนส์เน่าเหลือเกิน ได้รูปมาแบบงั้นๆไป555 ที่ตรงนี้เป็นโบสถ์คะ ข้างในสวยมากกกกกก แต่เค้าไม่ให้ถ่ายหงะ ตาเราก็ดูดเอาความสวยงามให้นานเท่าที่ ฝนจะหายหยุดตกอะคะ ศิลปะแก้วโมซาจ หรืออะไรที่เค้าเรียกๆกันนะแหละคะ เราก็ดู อึ้งกันไป มีทั้งรูปปั้นพระเยซูถูกทรมานก่อนสิ้นพระชนม์ เยอะแยะไปหมด เหนื่อยหน่อยก็นั่งเนียนกับเค้าในที่นั่ง ก่อนจะออกมา แล้วเดินไปที่ Harbour อีกรอบ คราวนี้ก็ไปแอบดูเค้าเล่นกีฬาโยนบอลโยนอะไรกัน ทอดเสื้อกันกระหน่ำที่สวนสาธารณะเลยเจ้าคะ อิชั้นก็ทนไม่ไหว แอบถ่ายมาคิคิ เค้าล่ำกันจริงๆนะเจ้าคะ....เอารูปออกเพราะเกรงว่าเค้าจะเห็นเราแอบถ่าย ...แง่มๆๆ


ทำเนียนต่อไปด้วยการกินขนมปัง ให้อาหารนก เนียนไปว่าตัวเองใจดี นกมาล้อมรอบ เหมือนเจ้าหญิง5555 


สิริรวมวันนั้นเดินก็ร่วมๆ3-4ชั่วโมงได้นะเจ้าคะ โชคดีที่เราใส่รองเท้าสบาย เกือบจะมีปัญหาไขข้อมั้ยเล่า 555 

ถนนสวยดีเลยถ่ายมาคะ 

ไปนั่งเนียนอยู่ท่าเรือ ดูวิถีชีวิตคนแถวนั้นเค้าชอบมานั่งตากแดดกันเนาะ มากินอาหารพักเที่ยง มาอ่านหนังสือ เอาโทรศัพท์มาเล่น แต่ก็มาคนเดียวกันมั้งนั้น นั่งมุมใครมุมมัน ไอ้เรานะหรอ ก็นั่งเก้าอี้โซนหลังสุด แอบดูเค้าไง555 แต่ถ้าเป็นพี่ไทยไม่ได้เชียว หลบแดดตลอด กลัวดำกัน 


ตึกในเมือง สวย ดี คะ 

ประตูเข้าสวนสวยๆในตัวเมือง ลืมชื่อคะ ด้านในสวน เขียวมาก สวย เนียน ยังกับสวนในเทเลทับบี้เลยคะ อิอิ

ป่าวน๊าาาไม่ได้คิดอะไรเลย เห็นมีรูปปั้นเลยถ่ายเฉยๆ เค้ายืนแอ๊คท่าให้เราไง

ข้างบนนี้ต้นอะไรไม่รู้อีกเช่นกัน แต่ใหญ่มากกก เทียบกับขนาดคนได้เลยว่าพุ่มไม้ใหญ่กี่เท่า คนเหลือตัวกะจิ๊ดเดียวคะ 


ก่อนมาลาด้วยภาพ Harbour bridge ตอนกลางคืน สวยงามเจ้าคะ

อีกฝั่งใกล้ๆก็ตึกต่างๆ ช่างดูศิวิไลซ์จริงๆเมืองนี้

อ่อยง่วงแล้วคะ ต่อไปเดี๋ยวจะลงภาพที่เห็นแล้วประทับใจอีกนะเจ้าคะฝันหวานๆ 
ม๊วฟๆ
:)

Monday, February 10, 2014

My drawing

My drawing my hobby 

งานว่างๆ และใช้เวลากับสมองซีกขวา  :)

จริงๆแล้วเริ่มหัดวาดรูปเหมือนเริ่มตั้งแต่ปี2009 ไม่ได้ลงคอร์สเรียนวาดรูปอะไร บ้านไม่รวย และก็ไม่ค่อยได้ฝึกฝนเท่าไหร่ช่วงหลังจากนั้นก็เลยมีรูปภาพแค่ไม่เกิน10รูปคะ และรูปนี้เป็นรูปล่าสุดที่อยากวาดคนสวยๆหน้าเป๊ะๆ เลยเสริชหาจากทางอินเตอร์เนท ไปเจอสาวลูกครึ่งเลบานอนคนนี้คะ เธอชื่อว่า Valerie Dominguez โดยตำแหน่งนางงามแห่งโคลัมบัสปี2005-2006 และงานถ่ายแบบอื่นๆที่อเมริกาเจ้าคะ จริงๆส่วนตัวแล้วไม่ได้เป็นคนติดตามผลงานของเหล่านางงามอะไรเลย แต่เผอิญหาเจอในกูเกิลคะ ได้มา10รายชื่อสาวสวยตาคม เลยเลือกนางมาเพราะหน้าตาสวยคม บาดใจ เป็นรูปผู้หญิงคนที่3 จากงานทั้งหมดเรามีแต่ผู้ชาย งิงิ 😆😁 สิริรวมเวลาก็ประมาณ5ชม. สำหรับรูปเธอคนนี้ ตาปรือเลยคะหลังจากวาดเสร็จ 

เวลาผ่านไป5ชม. ก็เลยได้ภาพมาแบบนี้


เห็นเค้าใช้ดินสอEEกัน แต่ไอ้เราไม่เคยเรียน ไม่เคยจับเจ้าคะ ก็เลยยังใช้ไม่เป็น พอจะลงอีอี มันก็สีดำปืดดดมาเลย จึงตัดสินใจ ไม่ใช้หงะ ไม่ถนัดจริงๆ 
มีการเพิ่มผมขึ้นเล็กน้อย และช่วงแขนมือ อุ้ยไม่ถนัดเลยจริงๆ5555 มันก็จะผิดๆเพี้ยนๆบ้าง ครั้งหน้าสมองซีกขวาอยากทำงานอีกจะลงอีกนะเจ้าคะ คริคริ 

ม๊วฟๆ Oui :)

Monday, February 3, 2014

Phoenix AZ,M Heard Museum ประวัติศาสตร์ชุมชนอินเดียนแดงในอเมริกาตะวันตก

กลับมาอีก หลังจากเดือนนึงที่เรา ขี้เกียจมากก ทั้งการเมือง  ทั้งงานแต่งงานเพื่อนและเตรียมตัวอีกหลายอย่างเจ้าคะ วันนี้กลับมาเล่าเมื่อเครั้งเยี่ยมเมืองฟินิกส์(Phoenix) ต่อนะคะ

ครั้งนี้หลังจากที่เราไปเพิ่งอ่านประวัติศาสตร์อเมริกามาพอคร่าวๆบ้าง ก็ได้เรื่องว่า ดินแดนแห่งนี้ที่เป็นของกลุ่มชนเผ่าอินเดียนแดงเดิมนั้นก็มีรากสายเลือดของคนเอเชียนี่แหละเจ้าคะ (ถึงว่าหละหน้าตาเหมือนเราเลยนุ๊ คิคิ) เมื่อครั้งสมัยตั้ง แต่ครั้งกระนั้น ค.ศ.1803 

File:USA Territorial Growth 1810.jpg


ง่ายๆคือ  ก็เมื่อสองร้อยกว่าปีที่แล้ว ที่เค้าก็เริ่มจะซื้อที่ดินทางตะวันตกของทางโซนทวีปอเมริกาตะวันตก เดิมทีเป็นส่วนของสเปน กับเม็กซิโกในช่วงนั้น และบริเวณโซนนี้ เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ แต่ก็เมื่อครั้งที่ ประธานาธิบดีเจฟเฟอร์สัน อยากขยายอาณาจักรอเมริกาให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น ตามความฝันที่อยากได้ให้เป็นประเทศหนึ่งเดียวจากโซนตะวันออกไล่มาจรดโซนตะวันตก โดยจ่ายเป็นเงินจำนวน 15ล้าน ดอลลาร์(เทียบเท่าประมาณ230ล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน) คุณพระคะ!! ที่ดินกว้างใหญ่ไพศาลขนาดนั้น กลุ่มชนผิวขาวสมัยนั้น ต้องการไปทำอะไรมากมาย เง้ออออ และก็เกิดสงครามกลางเมืองหลายครั้ง จนกระทั่งถึงสมัยของ ลูเทอร์ คิงส์ ปี 1963( 50ปีที่แล้ว)  ที่อเมริกาได้ประชาธิปไตยมาให้กับกลุ่มผู้หญิงและคนผิวดำได้มีสิทธิ์มีเสียงในการเลือกตั้งเหมือนเช่นกับกลุ่มชายผิวขาวสมัยนั้นนั่นเอง
 (วิกิพีเดีย,ประวัติศาสตร์อเมริกา) 

กลับมาที่เรื่องปัจจุบันกันต่อ โดยขณะที่ข้างทาง เราเดินๆไป ก็พบศิลปะแก้ว เราไม่แน่ใจเค้าเรียกพวกนี้ว่าศิลปะแนวไหน แต่นำแก้วสีสันและกระเบื้องสีฉูดฉาดมาและมีลวดลายคล้ายกับชนเผ่าอินเดียนแดง เราพบศิลปะบนผนังนี้ ใต้ตึกทรงสูงทันสมัยและเกิดขึ้นอยู่ใต้ถุนตึกเค้าเลยไปถ่ายรูปเจ้าคะ

เดินต่อรอคนมารับพาเราไปพิพิธภัณฑ์ กันเลย นี่ก็ราคาบัตรเราจ่ายไป12ดอลล่าร์ต่อคนคะ และก็อีกนั่นแหละ  ไม่มีคนมาเดินดูกับเราเลยหงะ คิคิ สันโดษมากก   มีแค่เรากะพี่สาว และก็เดินไปเรื่อยๆ ด่านแรกก็ด้านนอกตัวอาคารคะ 



มีเครื่องปั้นดินเผา ทั้งจำลองบ้างจริงบ้าง แต่ความรู้สึกเราก็น่าจะจำลองโดยส่วนใหญ่ เพราะสภาพดูสมบูรณ์ดีมาก จัดวางกันสวยหรู สะอาด ดูง่ายคะ 




รูปด้านบนก็คงเป็นกลุ่มหัวหน้าเผ่าต่างๆ คาดว่าน่าจะมาจากจินตนาการของผู้วาด มากกว่าจะเป็นรูปของจริงอีก่นเคย ซึ่งเหมือนคนเอเชียอย่างที่เกริ่นกันไว้จริงๆ 


แผ่นสีครีมๆขาว นั่นเป็นแผนที่ที่คาดว่าจะทำมาจากหนังสัตว์คะ เราก็ดูไม่ออกเหมือนกันว่าเป็นที่ไหน เพราะแผนที่สมัยก่อน เมื่อกลุ่มผู้ใช้ครั้งแรกเป็นชาวฝรั่งเศสแต่แผนที่นี้ ไม่รู้ว่าเป็นของกลุ่มชนเผ่าหรือชาวฝรั่งเศสที่เข้ามาครอบครองที่ พยายามจะทำไว้กันแน่ คะ



รูปปั้นชนเผ่าที่มีเยอะมากกกก ไม่สามารถนับได้ว่าเท่าไหร่ เพราะยังมีอีกฟากหนึ่งที่ขนาบกัน ก็เป็นตุ๊กตาชนเผ่าเหมือนกัน ซึ่งมองดูเหมือนนิทรรศการของชาวญี่ปุ่นที่บ้าคลั่งพวกAnime แล้วมีหุ่นจำลองต่างๆมานำเสนอยังไงยังงั้นคะ ก็น่ารักดี :)




ด้านถัดมาเดินไป วนซ้าย วนขวา มาเจอเครื่องประดับหินสีสมัยก่อน จะว่าไปก็คล้ายๆทางภาคเหนือเราเนาะ เครื่องประดับพม่าไรงี้ แต่ดารออกแบบเค้าจะเป็นแบบพะรุงพะรังลากมาจนถึงคอเลย อาจจะใช้แสดงยศในสมัยนั้นก็เป็นได้คะ

ด้านล่างเป็นบ้านดินจำลองของชนเผ่าอินเดียนแดงคะ 


ด้านบนเป็นถาพในตัวบ้านดินที่เค้าจำลองกันว่าชนเผ่าอยู่อย่างไรคะ 


ส่วนด้านล่างนี้เป็นเหมือนที่เอาไว้อุ้มเด็กเล็ก ก็คล้ายๆชาวเขาของบ้านเราเนาะ 
ตกแต่งประดับกันไปตามยศคะ 



ส่ววนี้เป็นแก้วเป่าสีคะ มองดูนานมาก แต่ก็ไม่รู้มันคืออะไร =_=


ก่อนกลับเราเห็นน้องเพื่อน พี่ เค้าเต้นอะไรกันไม่รู้ โดยขณะที่เพิ่งมีอีกครอบครัวนึงกำลังเข้ามาดูพิพิธภัณฑืเหมือนกับเรา น่ารักดีี อิอิ 


ตึกรูปทรงสวยงาม ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดๆ มันเป็นภาพที่สวยงามชัดเจนดีมากเลย ชอบบบ :) 

ภาพข้างบนนี้เป็นเหมือนโบสถ์เก่าหรืออะไรสักอย่าง อต่ก็ไม่มีการใช้งานคะ เหมือนจะร้างนะ แต่ก็ไม่ใช่ 

ภนนที่โล่ง มีต้นไม้ทนแดดเรียงรายระหว่างทาง รถไม่ติด และอากาศที่ร้อนได้ที่ ก็กิวสิคะ 
เลยได้ไปเดินดูร้านขนมก่อนที่ศูนย์ช้อปปิ้งอีกฟากนึงของวัยรุ่นที่นั่น เราลืมแล้วว่าเรียกอะไร 
อารมณ์คล้ายๆวิลล่ามากกว่าจะเป็นห้างที่ต้องเดินขึ้นบันไดเลื่อนคะ คือ เดือนกันจนขาลากเลยก็ว่าได้ 


สุดยอดขนมมม ลูกกวาดดดด

ตามด้วยร้านอาหารของผู้ใจบุญที่พาเราไปเที่ยว เค้าพาเราแวะร้านอาหารของคนเปอร์เซียนคะ หรือ อิหร่านนั่นเอง 

จานนี้ เป็นข้าวเม็ดยาวแบบข้าวอินเดีย ผสมกับหญ้าฝรั่น หรือ Saffron(ราคา ประมาณ 37,000-387,000บาท / กิโลกรัม) แล้วนำไปคั่วในกระทะออกแนวจี่ข้าวจนกรอบครึ่งนึง นำนำ้ซุปเนื้อที่ต้อมกับผักใบเขียว(ลืมชื่อ) และถั่วแดง อารมณืคล้ายๆแกงขี้เหล็กบ้านเรา ตักราด สนนราคาที่จานละ 15$  รสชาติเป็นเค็มๆมันๆ ไม่หวานไม่เผ็ดไม่เปรี้ยว ก็เฉยๆนะ =_=



จานนี้ค่อยยังชั่วขึ้นมาหน่อย เป็นเหมือนสเต็กไก่(ไร้หนัง) จริงๆถ้าบ้านเราต้องมีหนังนะคะ ฮ่าๆ ก็คล้ายๆกันคือ ข้าวหุงกับหญ้าฝรั่น มีผักรมควันพอเกรียมๆ และก็สลัด จานนี้โอเคนะ ราคาก็ 18-20$ ประมาณนี้เจ้าคะ กินเส็รจกลับบ้าน ห่อกลับด้วยเพราะจานใหญ่มาก ได้เยอะมาก

ครั้งหน้าจะลงทริปไหนอีก เดะลองแวะมานะคะ เดือนละครั้ง คิคิ เมื่อนมืออีกแล้ววว บับบายเจ้าา :)