Search This Blog

Saturday, October 14, 2017

หายไปนานมากกกก เพิ่งจะว่าง เล่าเรื่องการขอวีซ่าทำงานต่างๆ เพื่อให้ได้เที่ยว และหาประสบการ์ณชีวิต

อยู่ๆก็คิดถึงการเล่าเรื่องราวสนุกๆที่เกิดขึ้น ในช่วงระหว่างการเดินทางของเราตั้งแต่ปี 2012 - 2017

เรื่องให้เล่ามีมากมายในหัว พร้อมกับร่างกายที่เริ่มแก่ชราภาพขึ้น ภาพที่เรามองย้อนกลับไปตอนสมัยเริ่มผจญภัยการท่องโลกของเราในที่ต่างๆ มันช่างเป็นช่วงเวลาที่เราหาซื้อที่ไหนไม่ได้จริงๆ

เอาที่จำความได้ เริ่มเสพติดการเดินทางเพื่อเจอสิ่งใหม่ๆหลังจากเรียน ป.ตรีจบ เมื่อปี2012 หลังจากนั้นเราก็หาหนทางต่างๆที่จะมีโอกาสค้นคว้าประสบการ์ณต่างๆ ที่เราคิดว่า พอแก่แล้ว เราคงทำมันไม่ได้

เราเริ่มจากการหาข้อมูลใกล้ตัว ไปโครงการสำหรับน้องๆ ป.ตรี Work and Travel in USA ช่วงปีสุดท้ายที่จะจบ และก็เจอเพื่อนๆหลายคน มาจากหลายที่ หลายประเทศ หลายทัศนติ หลายอุดมการ์ณมาอยู่รวมกันที่เดียว ใช้เวลาทั้งหมด 5 เดือนในการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ประสบการ์ณต่างๆ ที่ตอนนี้ เราย้อนกลับไป ก็อดยิ้มไม่ได้ และทำให้ได้เจอเพื่อนที่ยังคบกันอยู่จนถึงปัจจุบัน ได้มิตรภาพดีดีกลับมาแบบไม่รู้ลืม

หลังจากนั้น ปี 2013 ช่วงปลายปี ขณะนั้นเรารอขั้นตอนการขอวีซ่าแบบWork and Holiday in Australia ในช่วงรอบคิวของปี 2013  เราก็ได้มีโอกาสไปอินเดีย เจอเพื่อนใหม่ กิกิ ที่ในขณะทริป ทั้งดีและไม่ดี ปนกันไป ขอวีซ่าเอง ซื้อตั๋วเอง ลุยมาก กล้ามากตอนนั้น ก็ยัง งงตัวเองอยู่นะ ทำไมกล้าจังง ฮ่าๆๆ

ช่วงนั้นก่อนไปอินเดีย บังเอิญ มีพาน้าเพื่อนบ้านไปเที่ยวสิงคโปร์ก่อนด้วย เขาจะไปหาแฟนเขาแล้วเราก็นะ อะไรที่คิดว่ามันฟรี จ่ายแต่ค่าตั๋วมันก้น่าจะคุ้ม เลยอาสาพาไป ฮ่าๆ เพราะน้าแถวบ้านเขาอาจต้องการเพื่อน ซึ่งเราก็คิดไปเอง ฮ่าๆๆ แต่เราคิดตอนนั้นคือ ไปไม่ต้องเสียค่าห้องพักไง คือคำนวณหมดว่าอยู่ประมาณนี้ เลยจัดไป เนียนๆ ใสๆ

สรุป รอไปรอมา โฮสคนเก่าเราไม่พร้อมด้วยเหตุผลของทางเขา รอเขานานถึงหกเดือนเพื่อที่จะเริ่มงานให้!! เราเองจึงตัดสินใจทันควันว่า"ไม่รอแล้ว ชั้นอยากเที่ยวแล้ววว"  พอต้นปี 2014 เราหาโฮสใหม่ ไม่เกินสองอาทิตย์เจอแล้วขอบินเลย ฮ่าๆ และการเดินทางอันปราดเปรียว ก็เริ่มขึ้น

เราได้ทำงานเลี้ยงเด็กให้โฮสที่เมือง ซิดนีย์ อันวุ่นวาย ณ ออสเตรเลีย..เอาตรงๆ ตอนแรกจินตนาการไม่ออกเลยว่า ออสเตรเลียจะเป็นยังไง ไม่เคยศึกษามาก่อนด้วย เพราะเป็นชะนีที่ขี้เกียจอะนะ อยู่ไปอยู่มา ก็ครบไปปีนึง และแวะเที่ยวเมลเบิร์นก่อนกลับ พร้อมร่างกายอันกำยำและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเกือบ สิบโล!!!

ช่วงนั้น เราฝึกภาษาด้วยการพยายามไม่คบคนไทยให้มากที่สุด ไม่ค่อยสรรหาเพื่อนคนไทย คบแต่เพื่อนเก่าที่เคยเรียนในสมัยมหา'ลัย ด้วยกัน เพื่อนไปเรียนต่อที่นั่น แต่เพื่อนก็ไม่ค่อยว่าง ดังนั้นจึงหาทางออกด้วยการเจอเพื่อนที่เขามาโปรแกรมเดียวกัน แล้วบังเอิญมาทำความสะอาดบ้านที่เราอยู่กับโฮสพอดี เป็นคนน่ารักมาก เทอเป็นคนใต้หวันและชอบคนไทยมาก นิสัยดีมาก ช่วงหลังๆเลยชวนนางไปแฮงค์เอ้าบ่อยๆ อยากไปไหน ชวนนางก่อน ไปnude beach ก้พานางไป ไปเปิดหูเปิดตา แอบดูว่าเออมันมีจริงๆด้วยไอ้หากแก้ผ้าเนี่ยะ โป๊กันหมดเลยยกเว้นพวกชั้นน  ไปทะเล ไปเดินเขาที่ต่างจังหวัดก้พานางไป เหมือนนางมาออสเตรเลียเพื่อเก็บเงิน อิชั้นเลยจัดการ พานางใช้เงินให้ ฮ่าๆๆๆ นึกไม่ออกนักว่าช่วงที่อยู่ออสเตรเลีย เราเที่ยวที่ไหนบ้าง เพราะเราก็ทำงานสู้ตายเหมือนกัน แต่เที่ยวนี่ก้ขอแบบประหยัดงบ แต่ก้เดิน ปีนเขาเอาการเช่นกัน

หลังจากกลับไทย และอยู่ครบวีซ่า เราก็ยื่นขอวีซ่าทำงานต่อที่แคนาดา รอไปรอมา 1 ปี ไม่มีอะไรคืบหน้า แล้วเข้าไปช่วงที่เกิดวิกฤติผู้อพยพสงครามจากแถบตะวันออกกลางเข้าอพยพในหลายๆประเทศทั่วโลก เราผู้ซึ่งขอวีซ่าทำงานต่อ ได้รับผลกระทบเต็มๆ และเรารอจนกระทั่งเราตัดสินใจทำไมเงียบจัง โทรสไกป์เครดิตยิงตรงไปที่เบอร์โฮส นางรับและนางบอกว่าไม่ต้องการคนทำงานให้แล้ว แต่เรางงมากทำไมไม่แจ้งทางเราเลย ให้เรารอนานเสียเวลาเรามาก แต่ชาวพุทธคิดบวก คือเรายังทำบุญ ดีที่ไม่ได้ทำงานให้บ้านที่ไม่มีระบบแบบนี้ ถือว่ารอดดด

ช่วงนั้นทำงานให้เอเจนซี่ ได้ไปเที่ยวเกาะเจจู เกาหลีใต้ช่วงเกือบปลายปี สนุกสนาน ครีมทาหน้ามาเต็มกระบุงงง ต่อด้วยทริป โอจิมินฮ์กับเพื่อน ตอนอยู่กทม. หลังจากนั้น ปี 2016 แก้เผ็ดด้วยการขอไปโปรแกรมอื่นต่อทันทีที่อายุเรายังไม่เกิน ฮ่าๆๆ เราได้มาเลี้ยงเด็กที่สวีเดนนี่เอง และอยู่ครบเต็มปีเช่นเคย แต่รอบนี้ เราบอกได้เลยว่า เที่ยวคุ้มมากกกก


ช่วงพักร้อนของโฮส เราจัดทริปสู้ชีวิตกับชะนีเพื่อนที่ไปโปรแกรมออแพร์ด้วยกันและเจอกันที่นั่น เหมาไปโซนยุโรปตะวันตกเกือบหมด โดยเรามีวันพักก่อนเพื่อน และเราเริ่มเดินทางไปก่อน เริ่มที่เดินทางจาก สวีเดน ลงเครื่องที่ โคเปนเฮเกน, เดนมาร์ก แล้วไปเบอร์ลิน, เยอรมัน ลุยกันแบบไม่ต้องนอน ต่อด้วย Czech แล้ววนล่าง รอเจอชะนีเพื่อนที่ Vienna, Austria เสดปุ๊ปเราลงไป Venice, Italy สุดทางอิตาลีด้วย Rome แล้วบินย้อนกลับมาที่ Paris, France เที่ยวเหมือนคนไม่ต้องนอน ฮ่าๆ ต่อไปที่ Brussels, Belgium วิ่งขึ้น Amsterdam, Netherlands ต่อของสถานที่สุดท้าย ถึงยอมบินกลับ สต๊อกโฮล์ม

ก่อนกลับถึงไทย เมื่อต้นปีนี้ 2017 อิชั้นก็เอาอีก ด้วยการแวะ Moscow, Russia ลุยหิมะหนาวๆ เล่นสกีบอร์ดทั้งๆที่เล่นไม่เป็น เอาสิ ไว้ว่างๆเดะมาเล่าให้ฟัง อิอิ

มันคือความบ้าบิ่นที่เที่ยวเหมือนชีวิตนี้ชั้นต้องรีบขนาดนี้เลยหรอ นึกแล้วก็ตลก ขอบคุณพ่อแม่ที่เข้าใจ ว่าเราต้องการทำสิ่งแบบนี้ เพื่ออะไร ต่อยอดอะไรได้ด้วยตัวเอง ขอบคุณที่พวกเขาเชื่อในตัวเรา เชื่อในการตัดสินใจของเราทุกๆอย่าง ขอบคุณที่เข้าใจ

ปล.ไว้ว่างๆ อารมณ์ดีดี จะมาเล่าว่าแต่ละที่ เราเจออะไรบ้าง มันบ้า มันบอ ขนาดไหน การเที่ยวแบคแพคมันสนุกตรงไหน สนุกตรงที่ เราไปเจอเพื่อนใหม่ ในห้องที่บางทีเพื่อนร่วมห้องอาจจะแปดเก้าคน มีทุกเพศ มีหลายหลายชาติ ภาษา แต่ทุกคนมามีจุดหมายเหมือนกันคือ เที่ยว เรียนรู้ อย่างอิสระ...


รัก
Yuwachio